ชีวิตหลังบวช สุดพีค ! ของซุป’ตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ
ใครๆ
ก็ทราบว่า ณเดชน์เคยบวชแล้ว เมื่อเดือนธันวาคม 2558
แต่ใครๆ
อาจจะยังไม่ทราบว่า..
หลังจากสึกแล้วเขาพูดถึงประสบการณ์ชีวิตในช่วงนั้นอย่างไร?
นี่คือวรรคทอง จากการให้สัมภาษณ์ของพระเอกชื่อดังคะ
หลังจากสึกแล้วเขาพูดถึงประสบการณ์ชีวิตในช่วงนั้นอย่างไร?
นี่คือวรรคทอง จากการให้สัมภาษณ์ของพระเอกชื่อดังคะ
“ผมว่าการบวชเป็นพระ
เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลยครับ
ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า
ลูกผู้ชายเกิดมาต้องบวชสักครั้งหนึ่ง
เอหิปัสสิโก ท่านจงมาดูเถิด”
บอกตามตรงว่าหลังจากไปนั่งจิบกาแฟพร้อมกับอ่านบทสัมภาษณ์
ของซุปตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ
เกี่ยวกับชีวิตหลังบวช ในนิตยสารดิฉัน
อ่านแล้วเกิดแรงส่งความถี่สูงขึ้นในบัดดล
เพราะเรื่องราวดีๆ แบบนี้ต้องขยาย
แต่ขอนำมาเล่าเพียงบางส่วนเท่านั้นนะคะ
หากอยากอ่านเรื่องราวเต็มๆ คงต้องไปยกเล่มดิฉัน มาอ่านกันละคะ
เคยสงสัยไหมคะว่าทำไม ลูกผู้ชายต้องบวช?
การบวชมีประโยชน์
มากกว่าการสืบประเพณีตามๆ กันมาอย่างไร?
สองคำถามนี้อาจจะติดอยู่ในใจ
คนหนุ่มสาว
Gen Y และ Gen C อีกหลายล้านคน
Gen Y และ Gen C อีกหลายล้านคน
เมื่อช่วงเดือนธันวาคม
2558
นักแสดงคิวทองของวงการบันเทิงไทย
"ณเดชน์ คูกิมิยะ"
นักแสดงคิวทองของวงการบันเทิงไทย
"ณเดชน์ คูกิมิยะ"
ได้ตัดสินใจเทคิวให้การอุปสมบท
แบบทันทีทันใด
แล้วเขาตั้งใจอย่างจริงจังว่าจะบวชให้ได้ 15 วัน
หลังจากไปกราบหลวงปู่ทอง ที่วัดนาหลวง จังหวัดอุดรธานี
แล้วเขาตั้งใจอย่างจริงจังว่าจะบวชให้ได้ 15 วัน
หลังจากไปกราบหลวงปู่ทอง ที่วัดนาหลวง จังหวัดอุดรธานี
โดยการบวชในครั้งนั้นของเขาเป็นการอุปสมบทหมู่
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และมีผู้ศรัทธามาบวชในโครงการนี้กว่า 800 คน
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และมีผู้ศรัทธามาบวชในโครงการนี้กว่า 800 คน
สงสัย..เหมือนกันไหมคะ ว่าดาราระดับซูเปอร์สตาร์
มาบวชพร้อมกับคนอีกเกือบพัน บรรยากาศคงโกลาหลไม่น้อย
เพราะใครๆ ก็คงอยากจะถ่ายรูปกับ ซุป’ตาร์
สักครั้ง!
ณเดชน์เล่าว่า
"ได้มาบวชโครงการนี้มีแต่ความโชคดีล้วนๆ
ถึงแม้ว่าคนจะเยอะก็ตาม
เพราะหากเขาบวชคนเดียว ไม่รู้จะเคร่งครัด"ได้มาบวชโครงการนี้มีแต่ความโชคดีล้วนๆ
ถึงแม้ว่าคนจะเยอะก็ตาม
อดทนในการฝึกตนขณะบวชแค่ไหน"
การบวชกับโครงการฯ
ก็เป็นเหมือนโรงเรียน มีกฎระเบียบ
มีตารางทำกิจกรรมชัดเจน
ทำให้ได้ฝึกตัวเอง ฝึกความอดทน
ซึ่งก็มีบ้างที่บางคนไปต่อไม่ไหว
แล้วขอลาสิกขาก่อนจบโครงการ
วัดนาหลวง จังหวัดอุดรธานี วัดป่าแห่งนี้มีพื้นที่ตั้งอยู่บน
เขาทั้งลูก
ห่างไกลจากชุมชนการเดินทางขึ้นไปค่อนข้างลำบากทุกเช้าพระที่จะออกบิณฑบาตต้องเดินลงเขาด้วยเท้าเปล่า
เป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรกว่าจะไปถึงหมู่บ้าน
ในช่วงที่บวชณเดชน์นั้น ตัวเขาเองรับบาตรอยู่เฉพาะภายในพื้นที่วัดโดย
เขาต้องเดินเท้าเปล่าจากกุฏิ ลงมาถึงโรงครัวระยะทางก็ไกลประมาณ 1 กิโลเมตร
แล้วเวลาฉันภัตตาหาร ก็จะนำอาหารคาวหวานทุกชนิดใส่ลงในบาตร
ตักมาเท่าไหร่ต้องฉันให้หมด ฉันเสร็จมีพระอาจารย์มาเดินตรวจบาตรอีกด้วย
ณเดชน์เล่าว่า ตอนแรกก็ตักเยอะเพราะเป็นอาหารอีสานของโปรดทั้งนั้น
จึงฉันด้วยความทรมาน เพราะตักมาจนเกินอิ่ม ทำให้เขาได้ข้อคิดว่า
“มีมากก็ทรมาน
มีน้อยก็ทรมาน ความพอดีนี่แหละสัจธรรม”
ข้อคิดที่เกิดจากประสบการณ์ที่ตรง ถึงแม้เราไม่นึกจดจำ
แต่ก็ไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตจริงไหมคะ มาถึงส่วนของกิจวัตรกิจกรรม
ที่ณเดชน์ต้องทำในแต่ละวัน พร้อมกับพระร่วมรุ่นอีก 800 รูปนั้น
ก็มีทั้งการสวดมนต์ ฟังธรรมะ นั่งสมาธิ เดินจงกรม
ทุกกิจกรรมล้วนคืนสู่สามัญด้วยเท้าเปล่า ที่เรียกได้ว่าติดดินอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะช่วยเดินจงกรมมีอยู่วันหนึ่ง
ณเดชน์เดินไกลถึง 3 กิโลเมตร
เขารู้สึกระบมเท้ามาก
พอกลับมาถึงกุฏิ ยิ่งรู้สึกปวดลึกเข้าไปถึงกระดูกฝ่าเท้าชนิดที่ว่าเดินแทบไม่ได้ ทำให้เขาย้อนมองกลับไปว่า
“พระที่ท่านเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่าๆ
นี่สุดยอดเลย”
สิ่งที่บ่งบอกถึงความจริงจังตั้งใจอีกเรื่องหนึ่งคือ เข้ามาบวชวันแรกเขาก็โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งเลย
ฝากบอกแม่ว่าถ้ายังไม่สึกหาละเพศยังไม่ต้องเอามาให้นะ
เขาไม่ต้องการติดต่อกับใคร ขอตัดขาดทุกอย่าง
เพราะหากลงมือทำอะไรเขาก็ทำให้ดีที่สุด
เมื่อเป็นพระก็ต้องสำรวม ให้เปะ!
จนตัวเขาเองเริ่มรู้สึกเครียด และกังวลกับการไปให้ถึงจุดนั้น
มาถึงจุดหนึ่งจึงได้ทำความเข้าใจกับเพศภาวะความเป็นพระจนตัวเขาเองเริ่มรู้สึกเครียด และกังวลกับการไปให้ถึงจุดนั้น
เขาก็เริ่มปล่อยวางความยึดติด ความเคร่งเครียดก็คลี่คลายลง
เกิดความโล่ง
ความสบาย จนได้พบความสงบ
ณเดชน์บอกว่า
ตอนนั้นเกิดข้อคิดอะไรหลายๆ อย่างที่
อธิบายได้ยาก ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ
มีประโยคบาลีประโยคหนึ่งที่ ณเดชน์จดจำได้แม่นยำคือ
“เอหิปัสสิโก ท่านจงมาดูเถิด”
การบวชเป็นพระถือเป็นช่วงเวลาที่เขาได้อยู่กับตัวเอง
ปลอดจากความกังวล ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน
เรื่องครอบครัว และคนรอบข้างทำให้เขามีเวลาหันกลับมามองตัวเอง แล้วทบทวนชีวิตที่ผ่านมา
ทำให้มองปัญหาหลายๆ อย่าง ด้วยความเข้าใจ
ไม่กลัวที่จะเผชิญกับปัญหา แม้ว่าไม่เคยเผชิญกับมันมาก่อน
ซึ่งพระอาจารย์ก็บอกกับเขาว่า
“สิ่งที่เรากลัวคือเรากลัวจิตใจ
กลัวความคิดของเราเองมากกว่า”
การใช้ชีวิตหลังบวชในวงการบันเทิง เขายอมรับว่า แม้จะนำสิ่งที่ฝึกฝนตอนเป็นพระ
มาผสมผสานกับชีวิตทางโลกได้ไม่ทั้งหมด แต่เขาก็รับมือกับมันได้ดีขึ้น
“อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยู่กับความวุ่นวาย จริงๆ ทุกคนนั่นแหละ
การอยู่ในสังคมมักจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น มีปัญหา มีความพอใจไม่พอใจ
ที่จำมาทำหลังจากสึกแล้ว คือทำสมาธิ เช่น เวลาที่มันวุ่นวายมากๆ
ผมก็จะหาเวลาหลับตาสักพัก ทำให้เกิดความสงบเป็นหนทางดับทุกข์จริงๆ
ณเดชน์ยอมรับว่า การบวชทำให้เขารู้วิธีรับมือกับปัญหาอะไรหลายๆ อย่าง
มีภูมิคุ้มกันในตัวเองมากขึ้น ทั้งเรื่องอารมณ์ เรื่องคน เรื่องงาน และสิ่งแวดล้อม
จิตใจนิ่งมากขึ้น มีกระบวนการคิดที่ดีขึ้น”
..ผมว่าการบวชเป็นพระเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลยครับ..
อีกหนึ่งแง่มุมที่เขาพูดถึง นั่นคือการบวชนอกจากจะเกิด ประโยชน์ตนแล้ว
ก็ยังเป็น
ประโยชน์ท่าน อีกด้วย และ ท่านที่หมายถึงนั้น คือพ่อแม่ผู้ปกครอง
คะ
“ผมเชื่อว่าผู้ปกครอง เวลาลูกหลานบวชก็ปลื้มใจ
เราชาวพุทธได้เห็นชายผ้าเหลือง
เป็นความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่ จริงๆ เป็นเรื่องที่ดีเราชาวพุทธได้เห็นชายผ้าเหลือง
ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ลูกผู้ชายเกิดมาต้องบวชสักครั้งหนึ่ง
ถ้าใครไม่บวชนี่ ถือว่าพลาดไหม พลาดมั๊ย พลาดในฐานะชาวพุทธ
นี่คือสิ่งที่คุณควรจะเรียนรู้”
แม้ว่าณเดชน์จะย้ำว่าการบวชเป็นพระนั้น ทำให้เขาได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น
ปล่อยวางภาระกิจการงาน
แต่ความจริงแล้วการถือเพศภาวะเป็นพระสงฆ์
ก็ใช่ว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว
เพราะเมื่อบวชเป็นพระก็มีภาระหน้าที่ของพระ
คือต้องดูแลญาติโยม คอยให้คำปรึกษา
พระสงฆ์เป็นผู้ที่ทำให้ศาสนาดำรงอยู่คือต้องดูแลญาติโยม คอยให้คำปรึกษา
ด้วยการโปรดสัตว์ และดำเนินรอยตามพระพุทธเจ้า
ประตูสู่เส้นทางธรรมนั้นเปิดกว้างเสมอ
หากชายผู้ได้โอกาส
มุ่งหวังการถือครองเพศสมณะ
แต่ก็ใช่ว่าลูกผู้ชายทุกคนจะกล้าหาญตัดสินใจบวชพระกันทุกคน
การฝึกฝืนความเคยชินเดิมๆ อดในสิ่งที่อยากได้แต่ไม่ได้
ทนในสิ่งที่ไม่อยากได้แต่กลับได้ ต้องอาศัยกำลังใจสูงส่ง
และที่สำคัญต้องถึงพร้อมด้วยความเลื่อมใสศรัทธาเต็มเปี่ยม
ณเดชน์ คูกิมิยะ ดาราชื่อดังที่ไม่มีข่าวเสียหาย
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการบันเทิง
ถึงแม้เขาบอกว่าความเป็นซูเปอร์สตาร์
เป็นสิ่งที่คนอื่นมอบให้
เขาเองเป็นเพียงดาราธรรมดาคนหนึ่ง
ที่อาจจะมีโอกาสทำงานเยอะกว่าแต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์
คำให้สัมภาษณ์ที่ส่องสะท้อนความคิดจิตใจ ของนักแสดงหนุ่มคนนี้
คงทำให้เราได้เห็นตัวตนดีงามภายใน ที่วันนี้ได้รับการเติมเต็มให้สมบูรณ์ขึ้น
ผ่านบทฝึกความเป็นพระ อันเป็นเส้นทางอริยะทางเดียวกับพระพุทธเจ้า
ถึงแม้จะบวชเป็นระยะเวลาแสนสั้นแต่ดอกผลต้นพันธุ์ที่ได้นั้น
งอกงามดีเหลือเกิน ทำให้ดิฉันนึกถึงประโยคที่กล่าวว่า
“หนึ่งนาทีที่เป็นบัณฑิต ดีกว่าตลอดชีวิตที่เป็นพาล”
ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่เกิดขึ้นด้วยคะ
เรื่องโดย.
คนธรรมรำพัน
Cr.เนื้อความบทสัมภาษณ์จาก นิตยสารดิฉัน
ฉบับ เดือนมีนาคม 2559
ฉบับ เดือนมีนาคม 2559
ดีมากคะ น่าจะเผยแพร่เยอะๆๆ คนจะได้อยากบวช
ตอบลบดีมากคะ น่าจะเผยแพร่เยอะๆๆ คนจะได้อยากบวช
ตอบลบสุดยอดค่ะครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชาย
ตอบลบลูกผู้ชายตัวจริง ต้องบวช
ตอบลบบวชพลิกชีวิต ขึ้นสวรรค์
ตอบลบ